ในการแข่งขันมหกรรมโอลิมปิกนับว่าเป็นศูนย์กลางของสุดยอดนักกีฬาจากทั่วโลกที่ต้องเดินทางมาเพื่อวัดความเป็นที่หนึ่ง แต่สิ่งที่อยู่เบื่องหลังการแข่งขันนั้นย่อมต้องมีคามแม่นยำและเที่ยงตรงที่สุด แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าอะไรคือหัวใจสำคัญของการตัดสิน ดังนั้น เพื่อไขข้อข้องใจเราจะมาทำความรู้จักกับ OMEGA Scan’O’Vision ULTIMATE เทคโนโลยีกล้องสุดล้ำในการตัดสินกีฬาโอลิมปิก
ประวัติความมาของ OMEGA
OMEGA เป็นแบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1848 โดย Louis Brandt ในเมือง La Chaux-de-Fonds ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตั้งแต่วันแรกที่ก่อตั้ง บริษัทนี้ได้สร้างชื่อเสียงในด้านการผลิตนาฬิกาที่มีความแม่นยำสูงและการออกแบบที่ล้ำสมัย ปัจจุบัน OMEGA เป็นที่รู้จักดีในฐานะผู้ผลิตนาฬิกาสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและการสำรวจอวกาศ
OMEGA เริ่มมีบทบาทสำคัญในการจับเวลาการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1932 ที่ Los Angeles ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วมงานระหว่างแบรนด์และคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) นับจากนั้น OMEGA ได้รับการเลือกให้เป็นผู้จัดการเวลาสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในหลายๆ ครั้ง รวมทั้งในโอลิมปิกล่าสุดที่ปารีส 2024
ในช่วงเริ่มต้นของเทคโนโลยีกล้องสำหรับตัดสินกีฬา OMEGA ได้พัฒนาอุปกรณ์ Photo-Finish ที่ใช้กล้องความละเอียดสูงในการจับภาพขณะนักกีฬาผ่านเส้นชัย เทคโนโลยีนี้เริ่มต้นจากการใช้กล้อง “OMEGA Magic Eye” ในโอลิมปิกลอนดอน 1948 ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวกล้อง Photo-Finish ตัวแรกในประวัติศาสตร์
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา OMEGA ได้มีการพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเพิ่มความเร็วในการบันทึกภาพและความละเอียด เพื่อให้สามารถจับภาพได้ในความเร็วที่สูงขึ้นและมีความแม่นยำที่ดีขึ้น
เทคโนโลยีใหม่ OMEGA Scan’O’Vision ULTIMATE
หนึ่งในเทคโนโลยีที่โดดเด่นในโอลิมปิกครั้งนี้คือกล้อง Photo-Finish รุ่นใหม่ล่าสุดของ OMEGA ที่มีชื่อว่า Scan’O’Vision ULTIMATE ซึ่งมีความสามารถในการถ่ายภาพได้สูงถึง 40,000 ภาพต่อวินาที ซึ่งมากกว่ารุ่นที่ใช้ในโอลิมปิก โตเกียว 2020 ที่มีความเร็ว 10,000 ภาพต่อวินาทีถึง 4 เท่า
การทำงานของกล้อง Scan’O’Vision ULTIMATE นั้นเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง กล้องนี้จะบันทึกภาพในระดับพิกเซลเดียวที่เส้นชัย จากนั้นจะเรียงภาพจากขวาไปซ้ายจนได้เป็นภาพ Photo-Finish ซึ่งสามารถแยกแยะระหว่างนักกีฬาได้ในช่วงเวลาที่สั้นมาก อย่างเช่น ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชายที่เพิ่งผ่านไป โนอาห์ ไลล์ส (Noah Lyles) จากสหรัฐฯ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 9.79 วินาที แต่ต้องมีการใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อแยกคะแนนจากคิเชน ธอมป์สัน (Kishane Thompson) ที่ทำเวลาได้ใกล้เคียงกันที่ 9.79 วินาทีเช่นกัน โดยการวัดได้ความต่างเพียง 0.005 วินาที
เทคโนโลยี Photo-Finish ย้อนรอยความเป็นมาของ OMEGA
การใช้กล้อง Photo-Finish ในการแข่งขันกีฬานั้นไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยกล้องตัวแรกที่ใช้ในโอลิมปิกคือ ‘OMEGA Magic Eye’ ที่ใช้ในโอลิมปิก ลอนดอน 1948 ตั้งแต่นั้นมา เทคโนโลยีก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกล้อง Scan’O’Vision ULTIMATE เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของการพัฒนานี้ การพัฒนาเทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความละเอียดและความเร็วในการจับภาพ แต่ยังช่วยให้การตัดสินผลการแข่งขันมีความแม่นยำสูงขึ้น
เทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ใช้ในการแข่งขัน
การใช้กล้อง Photo-Finish เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในการตัดสินการแข่งขันกีฬา ดังนั้น OMEGA จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ช่วยในการตัดสินผลการแข่งขันอย่างแม่นยำ
- ปืนส่งสัญญาณออกตัวอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้การยิงสัญญาณออกตัวมีความแม่นยำสูงขึ้น โดยเมื่อเหนี่ยวไกปืน สัญญาณจะถูกส่งไปยังอุปกรณ์จับเวลาโดยทันที ลดปัญหาความผิดพลาดที่เกิดจากการจับเวลาของคนที่ยิงสัญญาณออกตัว
- Computer Vision System ระบบนี้ใช้กล้องติดตั้งรอบสนามเพื่อบันทึกข้อมูลและวิเคราะห์เหตุการณ์ โดยไม่จำเป็นต้องสวมชุดติดเซนเซอร์ ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เช่น ระยะห่างของผู้เล่น ความเร็วของบอล และเทคนิคที่ใช้ในการเล่น
- กระดานคะแนน Electronic Photocells เทคโนโลยีนี้ช่วยในการวัดความผิดพลาดของการออกตัวในกีฬา โดยสามารถบอกผลฟาวล์ได้ทันทีเมื่อมีการออกตัวก่อน 100 มิลลิวินาที
- Quantum Timer นาฬิกาจับเวลาความแม่นยำสูงที่ใช้ในการวัดเวลาอย่างแม่นยำในทุกการแข่งขัน
การใช้งานในกีฬาแต่ละประเภท
เทคโนโลยีของ OMEGA ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในกีฬาเพียงประเภทเดียว แต่สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายประเภทกีฬา เช่น
- กีฬาในร่ม เช่น วอลเลย์บอล ซึ่งสามารถบันทึกข้อมูลได้ทั้งระยะห่างของผู้เล่น ความเร็วของบอล และเทคนิคต่าง ๆ
- กีฬาทางน้ำ เทคโนโลยีเหล่านี้ยังสามารถใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลในกีฬาทางน้ำ เช่น การแข่งขันว่ายน้ำ ซึ่งการจับเวลาที่แม่นยำและการวิเคราะห์เทคนิคการว่ายน้ำมีความสำคัญอย่างยิ่ง
สรุป
OMEGA เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการจับเวลาและการตัดสินการแข่งขันกีฬาอย่างแท้จริง ตั้งแต่การพัฒนากล้อง Photo-Finish รุ่นแรกในโอลิมปิก ลอนดอน 1948 จนถึงเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง Scan’O’Vision ULTIMATE ที่ใช้ในโอลิมปิก ปารีส 2024 เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยในการให้ความแม่นยำในการตัดสินผลการแข่งขันและยกระดับมาตรฐานการจัดการแข่งขันกีฬาให้ดียิ่งขึ้น
การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ จาก OMEGA Scan’O’Vision ULTIMATE เทคโนโลยีกล้องสุดล้ำในการตัดสินกีฬาโอลิมปิก มาปรับใช้ไม่เพียงแต่ช่วยในการตัดสินผลการแข่งขันอย่างแม่นยำ แต่ยังเป็นการสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความมุ่งมั่นในการสร้างมาตรฐานใหม่ในการจัดการแข่งขันกีฬา การใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้การแข่งขันกีฬาเป็นไปอย่างยุติธรรมและโปร่งใสมากที่สุด ทำให้ทุกวินาทีในการแข่งขันมีความสำคัญและไม่มีข้อผิดพลาดในการตัดสินผลแพ้ชนะ