นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไปที่ทุกบ้านต้องมีไว้เพื่อความสะดวกและความบันเทิงแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะพลาดและขาดไปเสียไม่ได้ก็คือลำโพง แต่จะใช้ลำโพงแบบไหนล่ะจึงจะเหมาะสมกับบ้านของเรามากที่สุด ด้วยรูปแบบการใช้งานและดีไซต์ที่สวยหรูย่อมทำให้ผู้ใช้งานเกิดความประทับใจราวกับเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านอีกชิ้นนึงเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นเมื่อต้องตัดสินใจซื้อลำโพงจึงไม่ควรพลาด 2 ลำโพง รุ่นพัฒนา ทรงคลาสสิก จาก Bang & Olufsen ที่เป็นที่นิยมมากกลุ่มบ้านหรู เพราะเขาออกแบบมาให้เหมือนเป็นของประดับที่ใครไม่รู้จักจะไม่มีวันแยกออกอย่างแน่นอน ลำโพงทั้ง 2 รุ่นที่ว่ามานี้ได้แก่ Beosound A9 5th Gen และ Beosound 2 3rd Gen!
Beosound A9 คืออะไร?
Beosound A9 คือลำโพงที่มีรูปลักษณ์ภายนอกดูเหมือนกับจานดาวเทียม มีขาตั้งสุดแข่งแรงเหมาะแก่การวางไว้กับพื้นในห้องนักเล่น ด้วยบริเวณผิวหน้าขนาดกว้างและวัสดุผิวหน้าก็เป็นผ้านุ่มอย่างดีทำให้ดูเผินๆก็เหมือนกันกับของประดับตกแต่งบ้าน แต่เมื่อได้เปิดใช้งานจะรู้สึกได้ถึงความหรูหรา กับขุมพลังเสียงที่ทรงพลังราวกับโฮมเทียเตอร์
โดยในเจนนี้ถูกพัฒนาให้ระบบรองรับ wifi ได้ดียิ่งขึ้น สามารถเชื่อมต่อเข้ากับ AirPlay 2, Spotify Connect และ Google Chromecast หรือแอพพลิเคชั่นของตัวมันเองก็สามารถเชื่อมต่อทางมือถือได้เช่นกัน ทั้งนี้แม้จะเป็นจานกลมๆแต่ก็ยังให้เสียงที่เป็นลักษณะของสเตอริโอ ให้ความรู้สึกได้ถึงเสียงจากทางซ้ายและขวา ซึ่งลำโพงส่วนมากมักไม่สามารถนำมาใส่ไว้ได้ในเครื่องเดียว
ระบบการใช้งานเป็นระบบสัมผัสเพื่อเพิ่มระดับความหรูหรา หากต้องการเพิ่มระดับความดังเสียงเพียงแค่ลูบมือเบาๆที่ขอบของตัวเครื่องก็สามารถควบคุมเสียงได้ทันที หรือหากต้องการออกคำสั่ง หยุด ข้าม หรือย้อนกลับ ก็สามารถแตะที่บริเวณผิวหน้าของตัวเครื่องได้ ทำให้เรารู้สึกสนุกไปกับการใช้งานได้ตลอดการใช้งาน
Beosound 2 คืออะไร?
Beosound 2 คือลำโพงที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกับแท่งจรวดแบบคลาสสิก เป็นการพัฒนามาจากรุ่นแรกจนถึงปัจจุบันอยู่ในรุ่นที่สามแล้ว แต่ยังคงความคลาสสิกเอาไว้ดังเดิม โดยตัวเครื่องจะทำจากวัสดุอลูมิเนียมเป็นหลัง จึงความทนทานและมีน้ำหนักพอสมควร นี่จึงเป็นหนึ่งในเครื่องประดับบนโต๊ะห้องนั่งเล่นหรือชั่นวางทั่วไป มาพร้อมกับพลังเสียงที่ทรงพลังแม้จะมีขนาดที่เล็กกว่า Beosound A9 อย่างเห็นได้ชัด แต่เสียงที่ได้นั้นถือว่าคุ้มค่าไม่แพ้กัน และด้วยเทคโนโลยี Active Room Compensation ทำให้เจ้า Beosound 2 มีความล้ำยุดกว่าลำโพงไหนๆในโลกก็คือการจับขนาดพื้นที่ข้องห้องไม่ว่ามันจะถูกวางอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ซึ่งมันจะสามารถวัดระดับความกว้างของผนังห้องได้รอบทิศทางแล้วน้ำมาปรับระบบการส่งเสียงโดยรอบเพื่อให้ทุกที่มีความดังเบาที่เบากันราวกับว่ามันถูกวางไว้ตรงกลางห้องตลอดเวลา นับว่าเป็นความอัจฉริยะที่ไม่มีลำโพงเครื่องใดในโลกทำได้อย่างนี้แน่นอน
ในเจนนี้ถูกพัฒนาเรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานคู่พร้อมกันกับ Beosound A9 คือการเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ wifi , AirPlay 2, Spotify Connect และ Google Chromecast
Beosound A9 และ Beosound 2 มีให้เลือกกี่สี?
ในปีนี้ทั้งสองรุ่นมีสีให้เลือกดังนี้ สีดำ สีทองและสีอลูมิเนียม โดยสีดำนี้เป็นสีใหม่ที่ทางแบรนด์ได้ออกมาให้เลือกเพื่อให้เหมาะกับทุกห้องนั่งเล่นได้ง่าย แต่สีที่เรียกว่าคลาสสิกที่สุดและได้รับความนิยมที่สุดก็คือสีทอง เพราะบ่งบอกถึงความหรูหรามีระดับ เปรียบเป็นเครื่องประดับสุดลักชูลี่ของห้องรับแขกเลยก็ว่าได้ และสีอลูมิเนียมที่เป็นสีเดิมของวัสดุเลยไม่ผ่านการปรุงแต่ง
ราคาลำโพงสุดหรู?
ทางแบรนด์ Bang & Olufsen มีแผนวางจำหน่ายช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน โดยราคาที่เปิดเอาไว้ทางเว็บไซต์อยู่ที่ Beosound A9 5th Gen ราคา 3,699 เหรียญ หรือ ราว 129,500 บาท และ Beosound 2 3rd Gen ราคา 3,199 เหรียญ หรือ ราว 111,900 บาท
หากคุณเป็นคนที่ชอบในเสียงเพียงที่ทรงพลัง ให้เสียงคุณภาพระดับโลก พร้อมไปกับความสวยงามของดีไซต์ระดับความหรูหราเพื่อใช้อวดเป็นของแต่งบ้าน คุณจึงไม่ควรพลาดที่จะหากลำโพงสุดหรูทั้งสองนี้มาไว้ครอบครอง เพราะไม่ว่าแขกคนไหนที่ผ่านเข้ามาเห็นจะต้องร้องว้าวอย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ที่เอกลักษณ์แต่ด้วยคุณภาพที่อัดแน่นในเครื่องเดียวและที่สำคัญคือเราต่างเชื่อว่ามันจะยังคงพัฒนาต่อไปได้อีกไกลจึงเป็นที่น่าจับตามองว่าสุดท้ายแล้วในรูปที่สมบูรณ์แบบของลำโพงแบรนด์จะเฟอร์เฟคขนาดไหน จะล้ำสมัยจนถึงขั้นเปลี่ยนโลกได้เลยหรือไม่ หรือจะเป็นการหยิบเอาเทคโนโลยีอื่นใดเข้ามาใส่ เราคงต้องรอติดตามชมกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร
บ้านที่สวยหรูมีระดับไม่ใช่ว่าจะเอาลำโพงอะไรมาก็ได้ เพราะมันจะทำให้มนต์เสน่ห์ของบ้านลดลง นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมทั่วโลกจึงต่างเลือกใช้ 2 ลำโพง รุ่นพัฒนา ทรงคลาสสิก จาก Bang & Olufsen มาอย่างยาวนาน แต่ข้อเสียของมันก็มีอยู่อย่างเดียวเลยก็คือน้ำหนัก จึงเป็นลำโพงที่ไม่เหมาะแก่การพกพามากที่สุด นอกจากนี้ยังมีราคาแพงเกินไปที่จะนำออกไปลุยได้เหมือนลำโพงสายปาร์ตี้อีกด้วย