5 อันดับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วที่สุด 

อุปกรณ์ไอที

การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคที่พลังงานสะอาดและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญ รถยนต์ไฟฟ้าช่วยลดการปล่อยมลพิษและประหยัดพลังงาน แต่การเลือกเครื่องชาร์จที่เหมาะสมเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ วันนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 5 อันดับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วที่สุด ในตลาด พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับยี่ห้อ รุ่น ราคา และความสามารถในการชาร์จ

การติดตั้งเครื่องชาร์จใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มีความสำคัญด้วยเหตุผลหลายประการ รวมถึงความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และประสิทธิภาพในการใช้งาน ดังนั้น การติดตั้งเครื่องชาร์จใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าไม่เพียงแค่ช่วยให้การชาร์จเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย แต่ยังเพิ่มความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และความพร้อมในการใช้งาน นอกจากนี้ การมีเครื่องชาร์จที่ทันสมัยและรองรับการใช้งานในอนาคตยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สินของคุณ การลงทุนในเครื่องชาร์จที่มีคุณภาพดีจึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างจริงจังสำหรับเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้า ด้วย 5 อันดับเครื่องชาร์ตต่อไปนี้

อันดับที่ 1 Tesla Wall Connector (Gen 3)

อันดับที่ 1 Tesla Wall Connector (Gen 3)

ราคา ประมาณ 22,000 – 25,000 บาท

Tesla Wall Connector รุ่น Gen 3 เป็นเครื่องชาร์จที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้า Tesla โดยเฉพาะ แต่ก็สามารถใช้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอื่น ๆ ที่รองรับการชาร์จแบบ Type 2 ได้เช่นกัน รุ่นนี้สามารถจ่ายไฟได้สูงสุดถึง 11.5 kW ทำให้สามารถชาร์จรถยนต์ Tesla ได้เต็มแบตเตอรี่ภายในเวลา 6-8 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ Tesla Wall Connector มีการติดตั้งที่ง่ายดาย สามารถตั้งค่าการชาร์จผ่านแอป Tesla และมีความปลอดภัยสูง

Tesla Wall Connector (Gen 3) เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถ Tesla หรือรถยนต์ที่รองรับ Type 2 และต้องการความเร็วในการชาร์จที่สูงสุด ในขณะที่ ChargePoint Home Flex และ JuiceBox 40 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการชาร์จและการควบคุมผ่านแอป ส่วน Siemens VersiCharge Gen 2 และ Grizzl-E Classic นั้นเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องชาร์จที่ทนทานและติดตั้งง่าย

อันดับที่ 2 ChargePoint Home Flex

อันดับที่ 2 ChargePoint Home Flex

ราคา ประมาณ 23,000 – 28,000 บาท

ChargePoint Home Flex เป็นหนึ่งในเครื่องชาร์จที่ได้รับความนิยมมากในตลาด มีความยืดหยุ่นสูงในการชาร์จ เนื่องจากสามารถปรับความแรงของไฟฟ้าได้ตั้งแต่ 16 แอมป์ ถึง 50 แอมป์ ทำให้สามารถชาร์จด้วยกำลังไฟสูงสุดถึง 12 kW และสามารถชาร์จเต็มได้ภายในเวลา 4-6 ชั่วโมง ตัวเครื่องมีการออกแบบที่ทนทานและทันสมัย มาพร้อมกับแอปพลิเคชั่นที่สามารถติดตามการชาร์จ ตรวจสอบสถานะ และตั้งเวลาการชาร์จได้อย่างง่ายดาย

อันดับที่ 3 JuiceBox 40

อันดับที่ 3 JuiceBox 40

ราคา ประมาณ 20,000 – 25,000 บาท

JuiceBox 40 เป็นเครื่องชาร์จที่มีความสามารถในการจ่ายไฟสูงถึง 10 kW ทำให้สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ได้ภายในเวลา 6-8 ชั่วโมง รุ่นนี้มีความทนทานและทนต่อสภาพอากาศ สามารถใช้งานได้ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ตัวเครื่องมาพร้อมกับแอป JuiceNet ที่สามารถติดตามและควบคุมการชาร์จจากระยะไกลได้ JuiceBox 40 ยังรองรับการติดตั้งแบบง่าย ไม่ต้องใช้ความรู้พิเศษในการติดตั้ง

อันดับที่ 4 Siemens VersiCharge Gen 2

อันดับที่ 4 Siemens VersiCharge Gen 2

ราคา ประมาณ 18,000 – 23,000 บาท

Siemens VersiCharge Gen 2 เป็นเครื่องชาร์จที่มีการออกแบบที่เรียบง่ายและมีประสิทธิภาพสูง สามารถจ่ายไฟได้สูงสุด 9.6 kW ซึ่งเพียงพอสำหรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่ได้ภายในเวลา 6-8 ชั่วโมง รุ่นนี้มีการติดตั้งที่ง่ายดาย สามารถปรับระดับไฟฟ้าได้ และมีระบบป้องกันการโอเวอร์โหลด Siemens VersiCharge ยังมีฟังก์ชันการตั้งเวลาการชาร์จที่สามารถตั้งค่าล่วงหน้าได้ เพื่อให้เหมาะสมกับตารางเวลาของผู้ใช้

อันดับที่ 5 Grizzl-E Classic

อันดับที่ 5 Grizzl-E Classic

ราคา ประมาณ 18,000 – 20,000 บาท

Grizzl-E Classic เป็นเครื่องชาร์จที่มีความทนทานและทนต่อสภาพอากาศ มาพร้อมกับการจ่ายไฟสูงสุด 10 kW สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ในเวลา 6-8 ชั่วโมง ตัวเครื่องมีการออกแบบที่แข็งแรงและใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศ ทั้งฝน หิมะ หรือแดดจัด รุ่นนี้มีฟังก์ชันการป้องกันไฟกระชากและการตั้งค่าความแรงของไฟฟ้าได้หลายระดับ Grizzl-E Classic เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องชาร์จที่ทนทานและราคาไม่แพง

ข้อควรระวัง

การใช้เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามีข้อควรระวังที่ควรพิจารณาเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการชาร์จ ดังนี้

  1. ติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ ควรให้ช่างไฟฟ้าที่มีใบอนุญาตและเชี่ยวชาญในการติดตั้งเครื่องชาร์จเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน และสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
  2. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าของบ้าน ควรตรวจสอบว่าระบบไฟฟ้าของบ้านสามารถรองรับกำลังไฟของเครื่องชาร์จได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้งานเครื่องชาร์จที่มีกำลังไฟสูง เช่น เครื่องชาร์จ Level 2
  3. เลือกตำแหน่งติดตั้งที่เหมาะสม ควรติดตั้งเครื่องชาร์จในพื้นที่ที่แห้งและปลอดภัยจากสภาพอากาศที่รุนแรง รวมถึงควรตั้งให้ห่างจากแหล่งน้ำหรือบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม
  4. การใช้สายไฟที่เหมาะสม ควรใช้สายไฟที่มาพร้อมกับเครื่องชาร์จเท่านั้น หลีกเลี่ยงการใช้สายไฟที่ไม่ได้มาตรฐานหรือสายพ่วงไฟฟ้าทั่วไป เนื่องจากอาจเกิดความร้อนสูงและทำให้เกิดอันตราย
  5. หลีกเลี่ยงการชาร์จในพื้นที่อับอากาศ ควรชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี เนื่องจากการชาร์จจะทำให้เกิดความร้อน การระบายอากาศจะช่วยลดความร้อนสะสมและป้องกันการเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้อง
  6. ติดตามและบำรุงรักษาเครื่องชาร์จ ตรวจสอบสภาพของเครื่องชาร์จเป็นประจำ และทำความสะอาดตามคำแนะนำของผู้ผลิต เพื่อให้เครื่องชาร์จทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
  7. ควรอ่านคู่มือการใช้งาน ปฏิบัติตามคำแนะนำในคู่มือการใช้งานของเครื่องชาร์จอย่างเคร่งครัด เพื่อให้แน่ใจว่าใช้งานเครื่องชาร์จได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

สรุป

5 อันดับเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ชาร์จเร็วที่สุด ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความเร็วในการชาร์จ ความสามารถในการปรับความแรงของไฟฟ้า การติดตั้ง และความทนทาน นอกจากนี้ ควรตรวจสอบว่ารถยนต์ไฟฟ้าของคุณรองรับการชาร์จแบบใด เพื่อให้สามารถเลือกเครื่องชาร์จที่เหมาะสมที่สุด

บทความ อาโอวี ROV ล่าสุด

บทความ ฟีฟาย FREEFIRE ล่าสุด