Pause Ads เทคนิคแสดงโฆษณาใหม่ ของ YouTube

อุปกรณ์ไอที

ยูทูปคือแอพพลิเคชั่นหลักในชีวิตประจำวันที่เราทุกคนต้องใช้งาน เพื่อดูความบันเทิงที่เราสนใจ ทว่า ปัจจุบันยูทูปมีการแบ่งระดับของผู้ใช้ออกเป็นสองกลุ่มหลักๆ คือกลุ่มที่จ่ายเงินกับกลุ่มดูฟรี ฉะนั้นแล้วเพื่อเป็นการหารายได้กลุ่มที่ดูฟรีจึงต้องถูกยัดเยียดเงื่อนไขก็คือโฆษณา ทว่า มนุษย์เรานั้นหัวใสได้มีการสร้างเครื่องมือช่วยปัดทิ้งโฆษณาซึ่งนั่นก็หมายความว่ารายได้ของยูทูปจะหายไปด้วย ยูทูปจึงออกอาวุธใหม่ซึ่งอาจเป็นหมัดน็อคในยกนี้นั่นก็คือ Pause Ads เทคนิคแสดงโฆษณาใหม่ ของ YouTube

Pause Ads คืออะไร?

Pause Ads คืออะไร?

Youtube ได้ทดสอบวิธีการใหม่ในการแสดงโฆษณาขณะผู้ใช้งานกด Pause หรือ หยุดชั่วคราวขณะดูคลิป ซึ่งเรียกว่า “Pause Ads” โดยมีความเป็นไปได้ที่ฟีเจอร์นี้จะถูกนำมาใช้จริงด้วย

นอกจากการทำสงครามกับ ad-blockers แล้ว Youtube ยังพยายามทดสอบวิธีการต่าง ๆ ที่จะแสดงโฆษณากับผู้ติดตาม (subscriber) ที่ไม่ใช่ระดับพรีเมียม โดยการแสดงโฆษณาระหว่างที่ผู้ใช้กดปุ่มหยุดชั่วคราวจะเป็นหนึ่งในวิธีการนั้น ในการประชุมรายไตรมาสที่ 1/2024 ของ Alphabet ฟิลิปป์ ชินด์เลอร์ รองประธานอาวุโสของ Google ได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการทดลองโฆษณาใน Youtube ว่าในไตรมาสที่ 1 ได้ผลตอบรับที่ดีสำหรับการทดลอง Pause Ads กับทีวีที่เชื่อมเน็ต โฆษณาประเภทนี้เป็นโฆษณาที่ไม่รบกวนสมาธิผู้ชม (non-interruptive ad format) ผลเบื้องต้นจากการทดลองชี้ให้เห็นว่า Pause Ads มีประสิทธิภาพในการยกระดับแบรนด์ และดึงดูดความสนใจจากผู้ชม

ไม่มีข้อมูลที่ชินด์เลอร์ได้ระบุว่า Pause Ads จะถูกนำมาใช้จริงเมื่อไหร่ แต่ถ้าผู้บริหาร Google คิดว่าฟีเจอร์นี้ดีก็อาจไม่แปลกใจที่ผู้ใช้ฟรีจะต้องเจอกับ Pause Ads ในอีกไม่ช้า

Ad-blockers คืออะไร?

Ad-blockers คืออะไร?

Ad-blockers คือ โปรแกรมหรือส่วนเสริมบนเว็บเบราว์เซอร์ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันโฆษณาจากการแสดงขึ้นบนหน้าเว็บขณะที่ผู้ใช้เรียกดูเนื้อหาออนไลน์ เช่น โฆษณาที่ปรากฏในรูปแบบของโบรกเกอร์, ป๊อปอัพ, หรือแบนเนอร์ โดยปกติแล้ว ad-blockers จะทำงานโดยบล็อกการโหลดข้อมูลจากแหล่งที่มีการโฆษณาเหล่านั้น ซึ่งทำให้ผู้ใช้ไม่เห็นโฆษณาเมื่อเข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตไปชมเนื้อหาต่าง ๆ โดยส่วนมาก ad-blockers มีจุดประสงค์เพื่อลดการรบกวนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานอินเทอร์เน็ต แต่ก็ส่งผลต่อรายได้จากโฆษณาของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันนั้น ๆ ได้

รายได้หลักของยูทูปมาจากไหน?

รายได้หลักของยูทูปมาจากไหน?

รายได้หลักของ YouTube มาจากหลายแหล่งที่สำคัญ ดังนี้

  1. โฆษณา: YouTube รับรายได้จากการแสดงโฆษณาในวิดีโอ โดยบริษัทที่ต้องการโฆษณาสามารถใช้แพลตฟอร์ม YouTube เพื่อโฆษณาผลิตภัณฑ์หรือบริการของตนเอง ซึ่ง YouTube จะเรียกเก็บค่าโฆษณาตามรูปแบบต่าง ๆ เช่น ค่าคลิก (Cost Per Click) หรือค่าการแสดง (Cost Per Impression) โดยมีรายได้ที่ได้จากโฆษณาเป็นส่วนใหญ่ของรายได้ของ YouTube
  2. YouTube Premium: YouTube Premium เป็นบริการสมาชิกที่ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกเพื่อรับประสบการณ์การดูวิดีโอที่ไม่มีโฆษณา และมีคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น การดาวน์โหลดวิดีโอเพื่อดูแบบออฟไลน์ รายได้จากการสมัครสมาชิก YouTube Premium จะถูกแบ่งให้กับผู้สร้างเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุนในระหว่างการรับชมวิดีโอ
  3. รายได้จากการสปอนเซอร์: YouTube มีโปรแกรมค่าสนับสนุน (sponsorship program) ซึ่งช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถรับการสนับสนุนจากบริษัทหรือแบรนด์ต่าง ๆ โดยตรง โดยในบางกรณีบริษัทจะจ่ายเงินหรือสนับสนุนสินค้าหรือบริการเพื่อให้ผู้สร้างเนื้อหานำเสนอไปในวิดีโอของตน
  4. YouTube Originals: YouTube มีสิทธิ์ในการผลิตเนื้อหาเรื่องเฉพาะ (Originals) ซึ่งสร้างขึ้นโดยใช้งบประมาณของตนเอง รายได้จาก YouTube Originals ส่วนใหญ่มาจากการขายสิทธิ์ให้แพลตฟอร์มอื่น ๆ หรือการต่อรองกับผู้ใช้บริการเครือข่ายอื่น ๆ

โดยสรุป การโฆษณาเป็นแหล่งรายได้หลักของ YouTube และมีแหล่งรายได้เสริมอื่น ๆ ที่มาจากบริการสมาชิกและสปอนเซอร์ที่ร่วมมือกับแพลตฟอร์มนี้ด้วย

คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นทำให้ยูทูปต้องหารายได้จากทุกทาง

คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นทำให้ยูทูปต้องหารายได้จากทุกทาง

การมีคู่แข่งในตลาดสื่อออนไลน์เป็นสิ่งที่สำคัญและมีผลต่อการพัฒนาและการเติบโตของแต่ละบริษัท ในกรณีของ YouTube การมีคู่แข่งที่มีความแข็งแกร่งและมีชื่อเสียง เช่น Facebook, Twitch, Netflix, และ TikTok ส่งผลให้ต้องมีการพัฒนานวัตกรรมและการบริหารจัดการเนื้อหาอย่างสร้างสรรค์เพื่อคงทนในตลาดที่แข่งขันอย่างดุเดือด

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือการให้บริการสมาชิกแบบเสียค่าใช้จ่าย ทั้ง YouTube Premium และ Netflix มีโมเดลธุรกิจที่คล้ายคลึงกันโดยให้ผู้ใช้สามารถรับชมเนื้อหาโดยไม่มีโฆษณา และมีสิทธิพิเศษเสริมที่มีอยู่เฉพาะสมาชิก ซึ่งเป็นวิธีที่ทั้งสองบริษัทใช้เพื่อดึงดูดผู้ใช้และสร้างรายได้

ในขณะเดียวกัน Twitch และ TikTok มุ่งเน้นให้บริการในด้านเนื้อหาที่มีความสดใหม่และสร้างสรรค์ โดยเน้นไปที่การสตรีมเกมและวิดีโอสั้นที่มีความสนุกสนาน ทำให้เป็นคู่แข่งที่มีความแข็งแกร่งในด้านเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับความบันเทิงและการสร้างสรรค์

ดังนั้น การมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งในตลาดสื่อออนไลน์เป็นประโยชน์ให้กับผู้ใช้ โดยสร้างแรงกระตุ้นให้บริษัทต่าง ๆ พัฒนาเนื้อหาและบริการให้ดียิ่งขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดีที่สุดและสร้างความสนุกสนานในการใช้ชีวิตออนไลน์ของพวกเขาได้อย่างทันสมัย

สรุป

Pause Ads เทคนิคแสดงโฆษณาใหม่ ของ YouTube แม้ว่าเราจะยังคงต้องทนกับการรับชมโฆษณาแต่นั่นก็ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนกับการได้รับชมเนื้อหาฟรีๆ เพราะหากคุณอยากได้ในสิ่งที่พิเศษกว่ายังไงก็ต้องจ่ายเงิน ซึ่งนั่นก็เป็นแนวคิดที่เหมือนๆกันทั้งโลก 

บทความ อาโอวี ROV ล่าสุด

บทความ ฟีฟาย FREEFIRE ล่าสุด