การใช้สมาร์ทโฟนในชีวิตประจำวันของเรามักจะมาพร้อมกับการติดตั้งแอปพลิเคชั่นหลากหลายที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ในขณะเดียวกันแอปพลิเคชั่นบางตัวอาจทำให้แบตเตอรี่มือถือหมดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ บทความนี้จะพาคุณไปดู 5 แอปที่กินแบตเยอะที่สุด พร้อมกับสาเหตุที่ทำให้มันบริโภคพลังงานมากกว่าปกติ
1. Facebook
Facebook เป็นหนึ่งในแอปพลิเคชั่นที่ใช้แบตเตอรี่จำนวนมาก แม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้ใช้งานมันอย่างต่อเนื่องก็ตาม เหตุผลหลักมาจากฟีเจอร์ต่างๆ ที่รันอยู่เบื้องหลัง เช่น การแจ้งเตือน การอัปเดตสถานะ การเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ เช่น Messenger และการแสดงผลวิดีโออัตโนมัติ
- การแจ้งเตือนแบบ Real-time: ทุกครั้งที่มีการอัปเดตสถานะจากเพื่อนหรือกลุ่มที่คุณติดตาม แอป Facebook จะเรียกใช้กระบวนการที่จำเป็นในการส่งการแจ้งเตือนมายังอุปกรณ์ของคุณ ซึ่งการทำงานเหล่านี้จะใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง
- การรันเบื้องหลัง: Facebook จะยังคงทำงานอยู่เบื้องหลังแม้ว่าผู้ใช้จะไม่ได้เปิดแอป แอปจะคอยอัปเดตข้อมูลใหม่ ๆ ตลอดเวลา เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลล่าสุดเมื่อเปิดแอปขึ้นมา
- การสตรีมวิดีโออัตโนมัติ: Facebook มีฟีเจอร์การเล่นวิดีโออัตโนมัติซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้การใช้แบตเตอรี่มากขึ้น เมื่อคุณเลื่อนผ่านหน้าฟีด วิดีโอจะเริ่มเล่นทันทีโดยไม่ต้องกดเล่นเอง
เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ คุณสามารถปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นหรือจำกัดการรันเบื้องหลังของ Facebook ได้
2. Instagram
Instagram เป็นอีกหนึ่งแอปพลิเคชั่นยอดนิยมที่กินแบตเตอรี่อย่างมาก โดยเฉพาะการเลื่อนดูฟีด การเล่นวิดีโอ และการส่งข้อความผ่าน Direct Message ฟีเจอร์ที่รันอยู่เบื้องหลัง และความต้องการในการเชื่อมต่อเครือข่ายเพื่ออัปโหลดและดาวน์โหลดเนื้อหาภาพและวิดีโอ ทำให้แอปนี้ใช้พลังงานอย่างมาก
- การสตรีมวิดีโอและเรื่องราว (Stories): การเลื่อนดูโพสต์วิดีโอหรือเรื่องราวที่มีภาพเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องส่งผลให้แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งถ้าวิดีโอเหล่านั้นมีความยาวมากเท่าใด พลังงานก็ยิ่งถูกใช้งานมากเท่านั้น
- ฟีเจอร์การสื่อสารแบบ Direct Message: เช่นเดียวกับแอป Messenger การส่งข้อความใน Instagram Direct ใช้พลังงานเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อมีการส่งรูปภาพและวิดีโอในข้อความ
คุณสามารถประหยัดแบตเตอรี่ด้วยการลดการเล่นวิดีโอหรือเปิดโหมดประหยัดพลังงานในแอป Instagram
3. Google Maps
Google Maps เป็นแอปที่มีประโยชน์อย่างมากเมื่อใช้สำหรับการนำทางหรือการค้นหาสถานที่ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นแอปที่กินแบตเตอรี่สูงมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้งาน GPS อย่างต่อเนื่อง
- การใช้งาน GPS: เมื่อคุณใช้ Google Maps เพื่อนำทาง ระบบ GPS จะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบตำแหน่งของคุณแบบเรียลไทม์ การทำงานนี้ใช้พลังงานสูงโดยเฉพาะในขณะเดินทางที่มีการอัปเดตตำแหน่งบ่อยครั้ง
- แผนที่ออนไลน์: Google Maps จะดาวน์โหลดแผนที่ใหม่เมื่อคุณเลื่อนหรือซูมออก นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การแสดงข้อมูลการจราจรแบบสด ซึ่งต้องการการเชื่อมต่อกับเครือข่ายและใช้พลังงานเพิ่มขึ้น
หากต้องการประหยัดแบตเตอรี่ขณะใช้ Google Maps คุณสามารถดาวน์โหลดแผนที่ล่วงหน้าและปิด GPS เมื่อไม่จำเป็น
4. TikTok
TikTok เป็นแอปพลิเคชั่นที่เน้นการดูวิดีโอสั้นๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถเลื่อนดูคลิปต่าง ๆ ได้อย่างไม่จำกัด แต่การเล่นวิดีโอเหล่านี้ต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ส่งผลให้แบตเตอรี่ลดลงอย่างรวดเร็ว
- การสตรีมวิดีโออย่างต่อเนื่อง: TikTok จะทำการโหลดวิดีโอที่มีคุณภาพสูงและเล่นอย่างต่อเนื่องในขณะที่คุณเลื่อนดูฟีด นี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แอปกินแบตเตอรี่มาก
- การแสดงผลกราฟิกและเสียง: วิดีโอที่มีกราฟิกซับซ้อนและการแสดงผลเสียงที่คมชัดยิ่งเพิ่มการใช้พลังงาน โดยเฉพาะเมื่อต้องเล่นวิดีโอในที่ที่มีแสงสว่างน้อย ทำให้จอแสดงผลต้องปรับแสงอัตโนมัติ
เพื่อป้องกันการใช้งานแบตเตอรี่มากเกินไป คุณสามารถจำกัดเวลาใช้งาน TikTok หรือปิดการเล่นวิดีโออัตโนมัติได้
5. YouTube
YouTube เป็นแอปสตรีมมิ่งวิดีโอที่นิยมอย่างมาก แต่เนื่องจากการดูวิดีโอบน YouTube มักจะใช้เวลานาน การแสดงผลวิดีโอแบบ HD และการเล่นต่อเนื่องทำให้แอปนี้ใช้พลังงานมาก
- การเล่นวิดีโอ HD: การสตรีมวิดีโอความละเอียดสูงจะทำให้การใช้พลังงานเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องใช้การประมวลผลกราฟิกและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
- การทำงานเบื้องหลัง: แม้ว่าคุณจะปิดจอแสดงผลหรือเปลี่ยนไปใช้แอปอื่น แต่ถ้าไม่ได้ปิด YouTube อย่างสมบูรณ์ แอปจะยังคงทำงานและอาจทำให้แบตเตอรี่ลดลงเรื่อย ๆ
คุณสามารถลดการใช้งานแบตเตอรี่ด้วยการลดความละเอียดของวิดีโอที่ดู หรือตั้งค่าให้เล่นวิดีโอที่ความละเอียดต่ำเมื่ออยู่ในเครือข่ายมือถือ
การประหยัดแบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟนสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยวิธีเหล่านี้
- ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น การแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชั่นต่างๆ ทำให้แอปรันเบื้องหลังอยู่ตลอดเวลา ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นเพื่อประหยัดพลังงาน
- ปิดแอปที่รันเบื้องหลัง ปิดแอปที่ทำงานเบื้องหลังโดยไม่จำเป็น เข้าไปที่การตั้งค่าแล้วปิดแอปเหล่านี้เพื่อลดการใช้งานพลังงาน
- เปิดโหมดประหยัดพลังงาน เปิดโหมดประหยัดพลังงานเพื่อยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ เช่น ลดการทำงานของ CPU และแอปที่รันอยู่เบื้องหลัง
- อัปเดตแอปและระบบ การอัปเดตแอปและระบบจะช่วยให้การใช้งานพลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ปิดการอัปเดตอัตโนมัติ ปิดการอัปเดตแอปพลิเคชั่นอัตโนมัติเพื่อป้องกันการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็น
สรุป
การเลือกใช้แอปพลิเคชั่นอย่างระมัดระวังสามารถช่วยให้คุณประหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้มากขึ้น โดยเฉพาะ 5 แอปในมือถือที่กินแบตเยอะที่สุด เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าทำไมแบตเตอรี่ในโทรศัพท์ของคุณถึงหมดเร็ว การตั้งค่าจำกัดการรันเบื้องหลัง ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น และเปิดโหมดประหยัดพลังงานจะช่วยให้คุณใช้งานมือถือได้นานขึ้นโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย