Apple ผลักดันเรื่องความเป็นส่วนตัว

Apple ผลักดันเรื่องความเป็นส่วนตัว

Apple ได้วางตำแหน่งตัวเองในฐานะผู้นำด้านความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มาอย่างยาวนาน และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา Apple ผลักดันเรื่องความเป็นส่วนตัว มากยิ่งขึ้นในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณลักษณะความโปร่งใสในการติดตามแอปใหม่ของบริษัทกำหนดให้แอปต้องได้รับอนุญาตอย่างชัดแจ้งจากผู้ใช้ก่อนที่จะติดตามกิจกรรมของพวกเขาในแอปและเว็บไซต์อื่นๆ ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากบางบริษัทที่พึ่งพาโฆษณาที่ตรงเป้าหมาย แต่ได้รับการต้อนรับจากผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัว Apple ยังแนะนำคุณสมบัติใหม่ที่เน้นความเป็นส่วนตัว เช่น Private Relay ซึ่งเข้ารหัสทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตของผู้ใช้ และทำให้ผู้ลงโฆษณาติดตามพวกเขาได้ยากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ Apple จึงเป็นเทคโนโลยีที่คนส่วนใหญ่ให้การยอมรับถึงความปลอดภัยของผู้ใช้งานมากที่สุด จากอดีตที่เคยมีคนตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่าต้องการพัฒนาระบบป้องกันและรักษาความเสถียรของเครื่องอันเป็นที่มาของราคาที่สูงลิ่ว แต่มาวันนี้ในยุคที่มีการโจรกรรมออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย Apple ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามมันส่งผลตอบแทนที่ดี และสร้างความมั่นใจให้ผู้ใช้งานได้มากขึ้น

ทำไม Apple ต้องดำเนินการเพิ่มความแข็งแกร่งในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้?

ทำไม Apple ต้องดำเนินการเพิ่มความแข็งแกร่งในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้?

เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลเป็นของตนเองและเป็นสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้ และผู้ใช้มีความเชื่อมั่นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองจะได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม และไม่ได้ถูกเปิดเผยหรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ผู้ใช้มีความมั่นใจในการใช้บริการและสินค้าของบริษัทนั้นๆ ดังนั้น Apple ต้องดำเนินการเพิ่มความแข็งแกร่งในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน และป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต และรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง

Apple ใช้ระบบการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความแข็งแกร่งและทันสมัย โดยรวมถึง:

Apple ใช้ระบบการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความแข็งแกร่งและทันสมัย โดยรวมถึง:

  1. Secure Enclave: เป็นระบบความปลอดภัยที่มีอยู่บนชิปในอุปกรณ์ของ Apple ที่เก็บข้อมูลและป้องกันการเข้าถึงจากบุคคลภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. Face ID และ Touch ID: ระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการใช้เทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าและการสแกนลายนิ้วมือ เพื่อตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้ใช้ก่อนที่จะเข้าใช้งานอุปกรณ์
  3. การเข้ารหัสข้อมูล: ข้อมูลบนอุปกรณ์ของ Apple จะถูกเข้ารหัสในการเก็บไว้ เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
  4. App Store Review Guidelines: มีคำแนะนำและกฎระเบียบสำหรับนักพัฒนาแอปพลิเคชันใน App Store ที่ต้องปฏิบัติตาม เพื่อรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
  5. การจัดการความเป็นส่วนตัวใน iCloud: Apple มีระบบการจัดการความเป็นส่วนตัวใน iCloud ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานไม่ได้เป็นเรื่องที่สิ้นสุดไปได้ด้วยการใช้ระบบที่มีความแข็งแกร่งและทันสมัยเท่านั้น ผู้ใช้งานต้องมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของตนเองด้วย 

Apple มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านความปลอดภัยและการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่รักษาความปลอดภัยของผู้ใช้ นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับนักวิจัยและชุมชนความปลอดภัยเพื่อพัฒนาและปรับปรุงความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้ดียิ่งขึ้นอยู่เรื่องแต่ละด้าน ยกตัวอย่างเช่น Apple มีโปรแกรมการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) ที่ช่วยตรวจสอบภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ใช้งาน โดยใช้ข้อมูลจากผู้ใช้งานและข้อมูลที่มีอยู่ในระบบ Apple ทั้งหมดเพื่อพัฒนาการป้องกันภัยคุกคามที่เพิ่มเติมให้กับผู้ใช้งานได้อย่างดีที่สุด นอกจากนี้ยังมีการร่วมมือกับชุมชนเพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยในโลกดิจิทัลอีกด้วย โดยการร่วมมือกับชุมชนนักพัฒนาและนักวิจัยเพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับช่องโหว่ทางความปลอดภัยที่พบเจอและพัฒนาวิธีการป้องกันเพิ่มเติม เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ Apple ได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจได้ในการใช้งานของตนเอง

ระบบใหม่นี้สามารถใช้งานได้ทุกรุ่นหรือไม่?

ระบบใหม่นี้สามารถใช้งานได้ทุกรุ่นหรือไม่?

ไม่ใช่ทุกรุ่นของ Apple ที่จะสามารถใช้ระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ได้ แต่ Apple จะพยายามอัปเดตและพัฒนาซอฟต์แวร์ของผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อให้สามารถรองรับกับระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวและฟีเจอร์ที่ใหม่ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

รุ่นที่รองรับระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ของ Apple อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามเวอร์ชั่นของซอฟต์แวร์ แต่โดยทั่วไปแล้ว อุปกรณ์ต่อไปนี้รองรับการใช้งานระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ของ Apple:

  1. iPhone 6s และรุ่นที่ใหม่กว่า
  2. iPad Air 2 และรุ่นที่ใหม่กว่า
  3. iPad mini 4 และรุ่นที่ใหม่กว่า
  4. iPod touch (รุ่นที่ 7) หรือรุ่นที่ใหม่กว่า

อุปกรณ์บางรุ่นอาจต้องอัปเดตเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดของซอฟต์แวร์ก่อนที่จะสามารถใช้งานระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ได้ ดังนั้นควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณมีซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นล่าสุดหรือไม่ และอัปเดตเป็นเวอร์ชั่นล่าสุดก่อนที่จะใช้งานระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ของ Apple ได้

อย่างไรก็ตาม Apple ผลักดันเรื่องความเป็นส่วนตัว ระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวแบบใหม่ของ Apple เป็นการปรับปรุงระบบป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Apple อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบจุลภาค ซึ่งมีความซับซ้อนและเข้าใจยากมากกว่าเทคโนโลยีการเข้ารหัสทั่วไป และสามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้มีสิทธิ์ในข้อมูลนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

บทความ อาโอวี ROV ล่าสุด

บทความ ฟีฟาย FREEFIRE ล่าสุด